เนื้อหาในรายงานของ กมธ. ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ในขณะนี้คือข้อเสนอให้บ่อนกาสิโนถูกกฎหมายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อนุญาตให้การพนันออนไลน์หรือธุรกิจเกมมิงสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยปรับปรุงเพิ่มเติม พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2478 ให้ครอบคลุมถึงการควบคุมพนันออนไลน์ กำหนดบทลงโทษที่เหมาะสม รวมถึงอัตราการจัดเก็บรายได้และภาษี
นายบุญลือ ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับการควบคุมพนันออนไลน์หากทำให้ถูกกฎหมายว่า “ถ้าทุกอย่างเปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทุกอย่างก็สามารถควบคุมได้หมด… ที่ผ่านมาควบคุมไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานหรือเปล่าครับ”
อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่า “เราต้องไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคม เพราะประเทศไทยนับถือศาสนาพุทธ จึงต้องดำเนินการให้ถูกกฎหมายและอยู่ในกรอบที่เหมาะสม”
ในทางตรงกันข้าม นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ได้แสดงความคิดเห็นในเวทีเสวนาช่วงปลายปี 2565 ว่า การทำให้พนันออนไลน์ถูกกฎหมายเป็น “เรื่องอันตราย” พร้อมชี้ว่าในภูมิภาคอาเซียน ประเทศที่เปิดเสรีคาสิโนส่วนใหญ่ก็ยังไม่อนุญาตให้มีการพนันออนไลน์ ยกเว้นเพียงฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ นายธนากร ยังตั้งคำถามว่า ข้อเสนอของ กมธ. อาจนำไปสู่การปลดล็อกกาสิโนเสรีหรือไม่ รวมถึงการศึกษาเรื่องนี้ยังขาดการพิจารณาผลกระทบต่อสังคมอย่างรอบด้าน
“รายงานนี้เป็นการศึกษาเพียงด้านเดียว มุ่งเน้นเพียงการเปิดให้ถูกกฎหมายตามเป้าหมายที่วางไว้ ขาดการพิจารณาเชิงลึกถึงผลดีผลเสีย ทำการบ้านไม่ครบ และยังไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจว่าสังคมไทยควรมีกาสิโนถูกกฎหมายหรือไม่”
ด้านศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มองว่า การเปิดเสรีการพนันต้องมีการหารือให้รอบคอบมากขึ้น และต้องมีการถ่วงดุลระหว่างเศรษฐกิจกับผลกระทบต่อสังคม เช่น ปัญหาอาชญากรรมและปัญหาครอบครัว
อย่างไรก็ดี ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้สถานพนันเป็นแหล่งฟอกเงิน หากไม่มีการออกกฎหมายกำกับดูแลที่รัดกุม อาจนำไปสู่การทุจริต การโยกย้ายถ่ายโอนเงิน และการฉ้อโกง ซึ่งเป็นเรื่องยากต่อการตรวจสอบ
“ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่โดดเด่นอยู่แล้ว เราควรอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่งดงาม ทั้งภูเขาและทะเล ซึ่งเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูง เช่น กระบี่และภูเก็ต เราควรให้ความสำคัญกับการดูแลสถานที่ท่องเที่ยวให้สวยงาม มากกว่าการพึ่งพาคาสิโนและ Entertainment Complex”
ที่มาการพิจารณาบ่อนถูกกฎหมาย
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติ 310 ต่อ 9 เสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) บ่อนพนัน และการจัดระเบียบการพนันในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศ ข้อเสนอทั้งหมดจะถูกนำไปพิจารณาในชั้น กมธ. ซึ่งมีจำนวน 60 คน โดยมีตัวแทนจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) 15 คน และจากพรรคการเมืองต่าง ๆ 45 คน โดยจะใช้เวลาในการแปรญัตติ 90 วัน
รายชื่อกรรมาธิการบางส่วน ได้แก่ นายชัชวาลล์ คงอุดม หรือ “ชัช เตาปูน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ซึ่งขณะนี้อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย
นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 ว่า “อยากให้คนไทยเห็นการพนันเป็นเรื่องปกติ เพราะทุกคนก็เล่นหวย ซื้อหวย ชนไก่ ชนวัว การพนันอยู่กับชีวิตมนุษย์ทุกคน และในยุคนี้ ประเทศไทยควรยอมรับความจริงว่าเราจำเป็นต้องหาเงินเข้าประเทศผ่านเมกะโปรเจกต์ ไม่ใช่แค่เปิดบ่อน แต่เราจะเปิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ในญัตติและคำชี้แจงจากผู้แทนราษฎร-ผู้เสนอตั้ง กมธ. วิสามัญ พิจารณาการตั้งกาสิโนและเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ สาระสำคัญได้แก่
- รายได้หลักของประเทศมาจากภาษีประชาชนปีละ 2.7 ล้านล้านบาท แต่หลังจากการระบาดของโควิด-19 รายได้ของประเทศลดลงทั้งจากภาษีที่เก็บได้น้อยลง และรายได้จากนักท่องเที่ยวหายไป
- หากมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเป็นแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวและนักแสวงโชคต่างชาติ โดยที่ภาครัฐไม่ต้องลงทุน และสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละ 4 ล้านล้านบาท
- นักธุรกิจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรระดับโลก เช่น กาสิโน สวนสนุก สนามแข่งรถสูตร 1 โรงแรมระดับโลก และอื่น ๆ พร้อมลงทุน ซึ่งจะนำไปสู่การจ้างงานหลายด้านและกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ธุรกิจกาสิโนในเอเชีย-แปซิฟิกเติบโตอย่างรวดเร็ว และประเทศเพื่อนบ้านของไทยก็ให้ความสำคัญกับธุรกิจกาสิโน แต่ไทยยังคงจัดให้เป็นกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย จึงทำให้เม็ดเงินไหลออกนอกประเทศ
- หากเปิดให้ธุรกิจกาสิโนและการพนันรูปแบบต่าง ๆ ถูกกฎหมาย จะสามารถเก็บรายได้จากภาษีเพิ่มเติม และป้องกันการรั่วไหลของเงินไปต่างประเทศ
- ส.ส. เสนอให้ใช้รายได้จากเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือ “ภาษีบาป” มาใช้ในโครงการต่าง ๆ เช่น การชำระหนี้สาธารณะ, ลดภาษีน้ำมัน, สร้างหลักประกันให้คนเกษียณ, ส่งเสริมการศึกษา, แก้ปัญหาหนี้สิน, และสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ขาดทุน
- นอกจากมิติทางเศรษฐกิจแล้ว ส.ส. ยังเสนอให้มีประโยชน์ในมิติสังคม เช่น การสร้างฐานข้อมูลเพื่อป้องกันอาชญากรรม และลดการทุจริตในวงราชการ